คดีเดียวกันเป็น 10 คนเลย (โดนธนาคารรายเดียวกันฟ้อง)... พอผมเข้าไป ก็เจอผู้หญิง 2 คนนั่งอยู่ในคอกข้างๆ (ไม่รู้ว่าเชาเรียกว่าอะไรนะ ขอเรียกคอกละกัน)ผมเลยถามว่า ผมจะยื่นคำให้การได้ที่ไหนครับ เขาก็ใจดีนะ บอกผมว่า เดี๋ยวหน้าบัลลังก์มาก็ยื่นให้เขาเลยนะคะ (ที่หน้าผู้พิพากษาจะมีคนนั่งอยู่ 1 คนเรียกว่าหน้าบัลลังก์ คงคล้ายๆ กับเลขา) ผมนึกในใจ มาศาลวันนี้เจอแต่คนใจดีทั้งนั่น ผมเดินหลบไปนั่งที่เก้าอี้ ซึ่งมีคนนั่งอยู่หลายคน... ซักพักผู้หญิง 2 คนนั่นก็เดินมาถามคนโน้นคนนี้ว่าจะยอมความไหมคะ ทางธนาคารจะลดดอกเบี้ยให้นะคะ ให้ส่งเดือนละ 1,000 นะคะ ปลอดดอกเบี้ย 1 ปีค่ะ ถ้ายอม เซ็นตรงนี้นะคะ... ผมจึงถึงบางอ้อว่า
ผู้หญิง 2 คนนี้เป็นทนายของธนาคารนั่นเอง ผมก็ได้แต่นั่งเฉยๆ ดูคนโน้นคนนี้เซ็น ยอมความกัน... สรุป 10 กว่าคน มีผมยื่นคำให้การสู้คดีเพียงคนเดียวผมถาม คนอื่นว่าทำไมพวกพี่ไม่สู้คดีล่ะครับ ส่วนใหญ่จะตอบว่าถ้าสู้คดีก็ต้องจ่ายทนายอีก 6,000 - 7,000 บาท เป้าชกมวยราคา เป็นหนี้ แค่ 40,000 - 50,000 ก็ทนๆจ่ายมันไป บางคนก็ไม่รู้ว่าจะไปจ้างทนายยังไง บางคนก็บอกว่านึกว่าที่ศาลมีทนายไว้คอยช่วยอยู่แล้ว... (แสดงว่า ยังมีลูกหนี้อีกเยอะที่ยังขาดความรู้ในข้อกฎหมายหรือไม่รู้ว่าสามารถจะสู้คดีเพี่อให้ศาลช่วยเหลือในเรื่องของการตัดดอกเบี้ยและค่าติดตามทิ้งหลังจากพิจารณาเสร็จแล้ว)เวลา 13.30 น.ผู้หญิงสูงอายุเดินเข้ามานั่งที่หน้าบัลลังก์ ผู้หญิง 2 คนนั่น (ทนายของธนาคาร)ก็เรียกผม คุณๆ หน้าบัลลังก์มาแล้ว ยื่นคำให้การได้เลยค่ะ (เขายังไม่รู้ว่าผมก็เป็นจำเลยของเขาคนหนึ่ง) พอผมเดินไปยื่นคำให้การหน้าบัลลังก์ ก็ถามผมว่าคดีอะไรผมตอบว่าเงินกู้ครับ พอทนายของทางธนาคารได้ยิน ก็มองหน้ากัน (คงจะนึกในใจว่าไม่น่าช่วยมันเลย อีอิอี จะขอให้ยอมความตอนนี้ก็ไม่ท้นแล้ว ยื่นคำให้การแล้วอี อี) แต่ปัญหาของผมตอนนี้คือ ยายป้าหน้าบัลลังก์แกถามผมแบบไม่เกรงใจเลยเช่น ยื่นคำให้การจะสู้คดีเขาหรือไง ไม่ได้ยืมเงินเขามาหรือไงถึงจะสู้คดี หรือว่าชาตินี้ไม,เคยยืมเงินเขามาเลยเหรอ... (แหม...ถ้าเป็นคนแถวบ้านถาม จะโดดเตะก้านคอลักที) เวลา14.00 น.ผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์ ท่านเรียกผมเป็นคนแรกเลย เป้าชกมวยตั้งพื้น เพราะผมล้คดีคนเดียวท่านถามว่า ไงเรา'จะล้คดีเขาเหรอ ทนายมาไหมล่ะ ผมตอบว่าทนายไม่มาครับ ติดคดีศาลอื่น ท่านก็หัวเราะและก็บอกว่าเอ้า แล้วจะ,ทำยัง1ไงล่ะเนี้ย ไม่ฟังข้อเสนอของโจทก์เขาก่อนเหรอ แล้วค่อยคิดว่าจะล้คดีหรือไม่ล้ ผมตอบท่านว่า ผมขอปรึกษาทนายก่อนครับ (ตามสคริปต์ที่คุณทนายของผมบอกมาทุกอย่าง)... ท่านก็บอกว่า เอ้าตัวของเรา เราตัดสินใจเองไม่ได้เหรอ ผมก็หัวเราะแฮะๆ ทนายของธนาคารก็บอกศาลว่า ขออนุญาตบอกข้อเสนอกับผม ศาลก็อนุญาต ทนายบอกว่ายอดฟ้อง61,332 ลดให้เหลือ 50,000 ผ่อน2ปีไม่มีดอกเบี้ย... ศาลก็ถามผมว่า ว่าไงสนใจไหมเขาลดให้ 10,000 กว่าบาทเชียวนะ เอาไหม (พวกคนอื่นๆ ที่ยอมความร้องอือฮือเสียดายกันใหญ่ เพราะตัวเองยอมความและได้ส่วนลด 1,000 - 2,000 บาท ส่งเดือนละไม่ตรกว่า 1,500 บาท ปลอดดอกเบี้ย 1 ปีแค,นั้น) ส่วนผมได้ลดถึง 11,332 บาทส่งไม่ตากว่า 1,000 บาท ปลอดดอกเบี้ย 2 ปี... ผมเริ่มคิดหนักเหมือนกัน... ข้อเสนอก็น่าสนใจ ยืนคิดนานเลย แต่นึกถึงสิ่งที่คุณทนายบอกว่าธนาคารแห่งนี้เขาคิดดอกเบี้ยคนเกินมาตลอด เป้าล่อมวย ผมจะล้คดืให้คุณจนถึงที่สุด ก็เลยตัดสินใจ (ตายเป็นตายว่ะ) บอกศาลไปว่า ฃอล้ครับ ศาลก็บอกว่า งั้นก็ตามใจ วันนี้ทนายไม่มาคงทำอะไรไม่ได้ งั้นเลื่อนนัดสืบพยานเลยล่ะกัน ทนายให้วันว่างมาไหม ผมเลยเอาวันว่างของคุณทนายให้ทนายของอีกฝ่ายกับศาลดู สรุปนัดสืบพยานครั้งต่อไปเป็น2 พ.ย 48เวลา 15.00 น.กลับจากศาล...โล่งใจไป ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คิด หันไปมองศาล คิดในใจอีก 2 เดือนกว่าๆ จะมาใหม่ แล้วจะมาอยู่เรื่อยๆ... เพราะยังมีหนี้บัตรเครดิตอยู่อีก
6 - 7 ใบที่เข้าคิวฟ้องอยู่ คิดในใจ หนีก็ตาย ไม่หนี อาจจะตายหรือไม่ตายก็ได้...ล้มันต่อ1ไป เพื่อกอบกู้สันติสุขของครอบครัวให้กลับคืนมา กระสอบทรายตั้งพื้นราคาถูก ...สารพันปัญหากับบัตรเครดิตแม้ธนาคารแห่งประเทศใทยจะมีมาตรการบังคับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายไม,ให้ทำการตลาดบัตรเครดิตกันอย่างไร้ขอบเขตแล้วก็ตาม แต่ในส่วนตัวของผู้บริโภคเอง ก็ต้องมีความระมัดระวังและรอบคอบในการใช้บัตรเครดิตอยู่เสมอต่อไปนี้เป็นสารพันปัญหาจากการใช้บัตรเครดิตที่ผู้บริโภคสามารถนำไปเป็นข้อเตือนใจและแนวทางในการแก้ไขปัญหาหากเกิดขึ้นกับตนเองบัตรเครดิตหาย ต้องรีบอาบัดคุณดาทำกระเป๋าเงินหายพร้อมกับบัตรเครดิต จึงได้โทรศัพท์แจ้งอายัดบัตรกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารในเย็นวันที่ถูกขโมยกระเป๋า แต่นั่นก็ยังเป็นการกระทำที่ช้าเกินไป เพราะต่อมาธนาคารได้มีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจากยอดที่คุณดาได้เคยใช้บัตรจำนวน 7,278 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กระเป๋าเงินสูญหาย
เป้าชก
