วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

กระสอบทรายสำเร็จรูป สำหรับนักมวยมือสมัครเล่นและมืออาชีพ ตอนที่ 2 (ตอนจบ)

พูดจาดูถูกเพื่อโต้ทำตามที่ต้องการสำหรับคนบางคนนั้นการพูดจาดีๆ หรือว่าสรรเสริญเยินยอนั้นก็ไม่ได้ผล เพราะเขาขาดแรงจูงใจในการกระทำสิ่งเหล่านั้น วิธีหนึ่งของการจูงใจก็คือ    การใช้เสียงดูถูกเป็นแรงผลักดันที่ทำให้สิ่งที่เราต้องการได้ขับเคลื่อนไปตัวอย่างการพูดจาดูถูกก็อย่างเช่น “จะทำได้เหรอ ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าทำดีกว่า” “ทำอะไรก็ไม่ตลอดรอดฝังทุกที ล้มเลิกทุกที คราวนี้จะไหวเหรอ” และหากว่าเขาทำท่าจะไม่ไหวก็ให้พูดประมาณ “ว่าแล้วเซียวว่าต้องเป็นอย่างนี้”    คำพูดแบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายฮึดอยากจะทำงานให้สำเร็จเพื่อลบล้างคำสบประมาทอย่างไรก็ตามคำพูดดูถูกก็เหมือนเป็นดาบสองคม กระสอบทรายตั้งพื้น ที่อาจจะทำให้ความล้มพันธ์ของเราและฝ่ายตรงข้ามแย่ลงไป แต่อย่างไรก็ดีเรา



มวย

อาจจะใช้กลวิธีง่ายๆ โดยการยืมคำกล่าวของคนอื่นมาพูด หรือไม่ในตอนท้ายที่ทำงานสำเร็จก็ให้เรากล่าวคำซมจากใจ เพื่อเป็นแรงจูงใจและเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อไปนั่นเองไม่กล่าวก้อยคำบังคับในการจูงใจการที่จะทำให้คนหนึ่งทำตามที่เรามุ่งหวังนั้น บางทีการกล่าวคำบังคับก็อาจจะมีปฏิกิริยาตอบกลับที่ไม่ดี ซึ่งอาจจะเป็นการต่อต้านโดยการไม่ทำตามที่เราบอกไปเลยก็ได้ อย่างนั้เม่ดีแน่ๆธรรมชาติของคนเรานั้นไม่ชอบให้ใครมาบังคับ หรือว่าขีดเส้นให้เดินไปทางนั้นหรือทางนี้ ซึ่งหากว่าโดนบังคับก็จะรู้สึกต่อต้านโดยอัตโนมัติ ดังนั้นหากอยากจะให้การจูงใจได้ผลดีนั้น เราควรจะใช้ถ้อยคำที่เป็นการแนะน่าดีกว่าการบังคับตัวอย่างคำพูดที่เป็นคำที่จูงใจให้ทำโดยการเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่บังคับ เป็นการแนะนำก็อย่างเช่น “ถ้าเป็นพี่นะ พี่จะ...”

"วิธีการของคุณก็ดีนะ แต่ถ้าเพิ่มตรงน!ปหน่อยจะเพอร์เฟกต์มากเลย” “ผมว่าลองไปหาวิธีที่หลากหลายแล้วคุณลองเลือกดีๆ กระสอบทรายซ้อมมวยราคาถูก ก็แล้วกัน” “ผมแนะนำวิธีการนี้นะคุณลองไปศึกษาหาฃ้อดีข้อเสียดูแล้วกัน” เป็นตันการกล่าวคำเช่นนี้เขาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ถูกบังคับ ซึ่งเรานั้นก็เพียงชี้ทางให้เขาเห็นทางที่เราต้องการหรือทางที่เราเห็นว่าดีก็เทำนั้นจูงใจโดยใส่ความคิดของเราเข้าไปการที่จะให้ใครคนหนึ่งมีความคิดเห็นอย่างเดียวกับเรา หรือว่าเราอยากจะจูงใจให้ได้ผลจริงๆ นั้น เราอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยโดยการใส่ความคิดและทัศนคติของเราเข้าไปในหัวของเขาทีละนิด จนในที่สุดเขาก็จะมีความคิดที่คล้ายคลึงกับเราในที่สุดนั่นเอง ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นลูกหลาน ลูกน้อง หรือว่าอาจจะเป็นคนที่สูงกว่าเราด้วยทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒินั่นเองการใส่ความคิดของเราลงไป เราอาจจะชี้ให้เห็นทางที่ดี และอาจจะใช้คนหลายคนในการกล่าวอ้าง จนในที่สุดเขาจะรู้สึกว่าทางที่เราบอก หรือความคิดของเรานั้นถูกต้อง และเหมาะสมที่สุดตัวอย่างคำพูดที่ชักจูงโดยใส่ความคิดของเราลงไปก็อย่างเช่น“ผมว่าทำแบบนี้มันดูทันสมัยกว่า คุณก็คิดอย่างนั้นใช่ไหม” “แม่ว่าคนแต่งตัวอย่างนี้!ม่นำรักเลย ใส่ไปเที่ยวก็ยังพอได้ แต่ใส่ไปเรียนคงไม่ไหว” “พ่อว่าคนที่ชอบใช้ของตามคนอื่นนี่ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย  เนอะสาวน้อย”จากคำพูดดังกล่าวจะเห็นได้ว่าไม่ได้มีคำพูดไหนเลยที่บอกให้คิดตาม แต่การพูดจูงใจแบบนื้!ปเรื่อยๆ ไม่ต้องถี่ ไม่ต้องใช้เรื่องชํ้าแต่ให้ใช้กรอบความคิดคล้ายๆ กัน ก็สามารถที่จะครอบงำความคิดของผู้อื่น และยิ่งหากว่ามีคนซึ่งเราต้องการจะจูงใจมากล่าวด้วยแล้วการจูงใจก็จะยิ่งง่ายเข้าไ!ใหญ่พูดจายุยงกับการตัดสินใจที่พิดหากว่าคนใกล้ตัวของเรากำลังตัดสินใจผิดพลาด หรือว่าทำอะไรที่ฃัดกับความคิดเป้าชกทั้งๆ ที่ในใจนั้นอาจจะรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด หรือว่าไม่ดี แต่ด้วยทิฐิที่ทำให้ตัดสินใจแบบนั้น ก็ให้ยุยงไปเสียเลยตัวอย่างของคนที่สมควรจะใช้วิธีการยุยงแทนที่จะห้ามปรามเพราะยิ่งห้ามปรามไปเขาก็จะดื้อรั้นทำอยู่ดี  เพราะด้วยเหตุที่กำลังอยู่ในช่วงที่ทิฐิ ได้แก่ คนที่กำลังจะหย่าหรือเลิกทั้งๆ ที่ยังรักกัน คนที่กำลังจะฆ่าตัวตาย คนที่กำลังจะลองยาเสพติดหรือสิ่งที่ไม่ดี เป็นต้นอย่างไรก็ดี นอกจากเรื่องของคำพูดแล้ว นํ้าเสียงในการพูดนั้นก็สำคัญ เพราะหากว่าเราใช้นํ้าเสียงที่สนับสนุนอย่างจริงใจ ก็อาจจะทำให้เขาคิดว่าดี แต่ก็ให้เราใช้นํ้าเสียงในเชิงประชดประชันดีกว่า อย่างเช่น “ก็ดีนี่ หย่าๆ กันไป นอนคนเดียวก็สบาย เหงาหน่อย อีกหน่อยเขาก็ไปมีคนอื่น แกจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะอยู่อย่างไร” “อยากตายก็ตายเลยสิ หากว่าไม่คิดถึงบุญคุณของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมาก็ตายเลย”

กระสอบทราย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น